ข้อสอบ error
1.Once the angry bull was subdued by the rodeo clowns, it will berounded up and led from the ring. No Error
เฉลย ตอบ will be ครับ เพราะว่าเรื่องนี้เป้นเรื่องในอดีต สังเกตจากคำว่า was นะครับ ดังนั้นกริยาต้องสัมพันธ์กัน จะมา เป็น อดีตกับปัจจุบันไม่ได้ เลยต้องแก้เป็น would be ครับผม
2. The first zoological garden in Thailand had established at Khao Din,Bangkok in 1960. No Error
เฉลย ตอบ had established ครับ เพราะว่า ตรงนี้ garden ซึ่งไม่คำนามหลัก ไม่สามารถก่อตั้ง establish เองได้ ต้องถูกก่อตั้ง ซึ่งควรใช้โครงสร้าง passive voice (be+v3) นะครับ แต่ตรงนี้เป็น had+v3 ซึ่งเป็น active voice เราเลยควรเปลี่ยนเป็น was established ครับ
3. Rescue workers have been searching the building room-by-room,pulled bodies out of the blackened debris. No Error
ตอบ pulled ครับ เพราะว่า ข้อนี้เราเจอประธานและกริยาแท้แล้วคือคำว่า workers กับ have ดังนั้นกริยาตัวอื่น จะต้องสำรวมตนเป็นกริยาไม่แท้ ดังนั้น pulled (v. ดึง ลาก) จึงควรทำหน้าที่เป็นกริยาไม่แท้ ตรงนี้เห็นเติม ed จึงควรมองเป็น past participle แต่ว่า ตรงนี้ คนงาน (workers) ดึงศพเอง ไม่ได้ถูกดึง จึงควรใช้ present participle จึงควรแก้เป็น pulling
4. The Pacific Ocean constitutes about half of the Earth’s water surfaceand cover about one third of the total area of the globe. No Error
ตอบ pulled ครับ เพราะว่า ข้อนี้เราเจอประธานและกริยาแท้แล้วคือคำว่า workers กับ have ดังนั้นกริยาตัวอื่น จะต้องสำรวมตนเป็นกริยาไม่แท้ ดังนั้น pulled (v. ดึง ลาก) จึงควรทำหน้าที่เป็นกริยาไม่แท้ ตรงนี้เห็นเติม ed จึงควรมองเป็น past participle แต่ว่า ตรงนี้ คนงาน (workers) ดึงศพเอง ไม่ได้ถูกดึง จึงควรใช้ present participle จึงควรแก้เป็น pulling
4. The Pacific Ocean constitutes about half of the Earth’s water surfaceand cover about one third of the total area of the globe. No Error
ตอบ cover ครับ เพราะว่า ประธานคือ Ocean กริยาคือ constitutes ส่วน about half...surface เป็นแค่ส่วนขยายเพราะอยู่หลัง about และ of จากนั้น เราเจอคำว่า and แสดงว่า มีกริยาสองตัวคือ constitutes และ cover แต่สองตัวไม่สอดคล้องกัน สรุปจะเติม S ดีรึเปล่า เราก็มองที่ประธาน ประธานเป็นเอกพจน์ กริยาก็เติม S สิจ๊ะ แก้จาก cover เป็น covers
5. Considered the effect on the purchase of luxury goods that higher interest rate has, we don’t understand why companies, which supply thesegoods, are in favor of the present Government program. No Error
ตอบ considered ครับ เพราะว่า ตรงนี้เป็นเรื่อง participle ส่วนที่อยู่หน้าคอมม่าทั้งหมดเป็นแค่ส่วนขยาย คราวนี้จะเห็นว่าประธานคือ we ซึ่ง we สามารถพิจารณาเองได้ (consider) เราเลยต้องแก้เป็นรูป present participle แก้เป็น considering
ตอบ considered ครับ เพราะว่า ตรงนี้เป็นเรื่อง participle ส่วนที่อยู่หน้าคอมม่าทั้งหมดเป็นแค่ส่วนขยาย คราวนี้จะเห็นว่าประธานคือ we ซึ่ง we สามารถพิจารณาเองได้ (consider) เราเลยต้องแก้เป็นรูป present participle แก้เป็น considering
1. Some scientists believe that dinosaurs become extinct when a huge asteroid fell on the Earth
A B C D
ขอวิเคราะห์ทีละข้อเลยแล้วกันนะคะ
ข้อ A คือ Some ทำหน้าที่เป็น Adjective เพราะอะไร..เพราะว่า Adj คือ คำขยายที่บอกลัีกษณะว่า สูงต่ำดำขาว เป็นต้น และ Adj. จะขยายคำนามซึ่งมีตำแหน่งวางไว้หน้าคำนามค่ะ ดูข้างหลังคำว่า some คือ scientists เป็นคำนามค่ะแปลว่า นักวิทยาศาสตร์ ที่เติม s เพราะว่าคำว่า some สามารถนำหน้าได้ทั้ง คำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้ค่ะ แต่ในกรณีนี้ some นำหน้าคำนามนับได้อยู่จึงต้องเติม s เสมอ** จึงทำให้ข้อ A ถูกแล้วนั่นเองค่ะ :)
ข้อ B เป็นข้อที่ผิดค่ะ เพราะว่า คำว่า become ถ้าจะดูตามหลักไวยกรณ์แล้วเนี่ยจะถูกเพราะว่า become ทำหน้าที่เป็น Verb หรือ กริยาค่ะ มองย้อนกลับไปคำว่า dinosaurs และตามด้วย become ตามหลักไวยกรณ์แล้วจะถูกนะคะรูปนี้ เพราะว่า ถ้า Subject หรือประธานนั้นเติม s,es จะต้องตามด้วย V.1 ที่เป็นรูปปรกติค่ะ แต่เราต้องวิเคราะห์คำว่า dinosaurs ที่แปลว่า ไดโนเสาร์ ซึ่งได้เกิดมาเป็นล้านๆปีแล้วเพราะฉะนั้นผู้พูดต้องการจะบอกว่ามันเป็นอดีตจ๊ะ เพราะฉะนั้นคำว่า become จะต้องเปลี่ยนให้เป็นรูปอดีตซึ่งก็คือ became นั่นเอง :D
2. Earthquakes that occur under or near the ocean can to generate tidal waves known as tsunamis. A B C D
ข้อ A คือ or ทำหน้าืที่เป็น conjunction หรือว่าคำสันธานเรียกอีกอย่างว่าตัวเชื่อมค่ะ ตัวเชื่อมในภาษาอังกฤษนั้นส่วนใหญ่จะถูกใช้ใน clause ไว้ถ้าโมมีเวลาโมก็จะมาสอนเรื่อง cluase นะจ๊ะ :P ไอ้เจ้า Conj. เนี่ยมันจะสามารถเชื่อมได้หลายอย่างละหนึ่งในนั้นก็คือ เชื่อม Preposition กับ Preposition เข้าไว้ด้วยกัน น้องๆอาจจะสงสัยว่า Preposition คืออะไร ไอ้ตัวนี้มันคือตัวที่วางไว้ข้างหน้านาม (Noun) หรือ กริยา (Verb) หรือจะวางไว้หน้าสรรนาม (Pronoun) ก็ได้ค่ะวางไว้เพื่อที่จะแสดงความสัมพันธ์ของคำสองคำนั้นค่ะ หรือวางไว้เพื่อบอกทิศทาง ตำแหน่งของมันก็ได้ เช่น in, on, under etc. มองย้อนกลับไปคำก่อนหน้า or ค่ะ คือคำว่า under ใช่มั้ยคะและอย่างที่โมบอกไปว่า under เป็น Prep. และปรกติแล้วคำว่า or จะเชื่อมของสองสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกันไว้ หมายความว่า .....or..... จะแปลว่า คำข้างหน้าจะมีความหมายคล้ายกับคำข้างหลัง เช่น it seems to be verb or modal verb หรืออีก รูปหนึ่งก็คือ ให้เลือกอย่างใดอย่างนึงเช่น Do you wantsugar or salt? เป็นต้นค่ะ ด้วยเหตุนี้เองทำให้ข้อ A ถูกแล้วจ้าาาา :)
ข้อ B คือ the เป็น article (a,an,the) ใช้นำหน้าคำนามทั้งหลายค่ะเพื่อเจาะจงสิ่งนั้นค่ะ ละข้างหลัง the คือคำว่า ocean ซึ่งเป็นคำนามจึงทำให้ข้อนี้ถูกต้องแล้วจ้า :D
ข้อ C เป็นข้อที่ผิดจ๊ะ เพราะว่าคำว่า can เป็น modal verb ค่ะ คือ กริยาช่วยหรือ helping verb จะต้องต่อด้วยกริยาแท้ของประโยคหรือ main verb เลยไม่สามารถจะตามด้วย to ได้ค่ะ จึงทำให้ข้่อนี้ผิดจ้าาา !
3. It is well-known fact that most people resists change.
A B C D
ข้อ A ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยค่ะ โดยปรกติแล้วประธานจะต้องตามด้วยกริยาเสมอค่ะ ในที่นี้ It คือประธานและ is คือ กริยา ข้อนี้ก็ถูกแล้วค่ะ :D
ข้อ B คือ that ในประโยคนี้ทำหน้าที่เป็น Conjunction หรือตัวเชื่อมจ้า โดยจะเชื่อมประโยคหลักและอนุประโยคเข้าไว้ด้วยกัน โดยสังเกตว่าในประโยคนี้มี 2 ประโยคก็คือ It is well-known fact และ most people resists change. โดยการใช้คำว่า that สามารถจะใช้ได้ครอบจักรวาลค่ะ ไว้เรามาพูดถึงเรื่อง clause โมจะสอนการใช้ that แล้วกันนะคะ สรุปว่าข้อนี้ถูกต้องแล้วค่ะ.
ข้อ C เป็นข้อที่ผิดค่ะ เพราะว่าโดยปรกติตามหลักไวยกรณ์แล้ว ถ้าประธานของประโยคเป็นพหูพจน์กริยาที่ตามมาจะต้องไม่เติม s หรือ es ค่ะ แต่ในข้อ C คือ resists เติม s อยู่โดยที่ประธานเป็น people แปลว่า ผู้คนที่มากกว่าหนึ่ง ซึ่งเป็นพหูพจน์จึงทำให้ข้อนี้ผิดเต็มๆเลยย ;)
A B C D
ขอวิเคราะห์ทีละข้อเลยแล้วกันนะคะ
ข้อ A คือ Some ทำหน้าที่เป็น Adjective เพราะอะไร..เพราะว่า Adj คือ คำขยายที่บอกลัีกษณะว่า สูงต่ำดำขาว เป็นต้น และ Adj. จะขยายคำนามซึ่งมีตำแหน่งวางไว้หน้าคำนามค่ะ ดูข้างหลังคำว่า some คือ scientists เป็นคำนามค่ะแปลว่า นักวิทยาศาสตร์ ที่เติม s เพราะว่าคำว่า some สามารถนำหน้าได้ทั้ง คำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้ค่ะ แต่ในกรณีนี้ some นำหน้าคำนามนับได้อยู่จึงต้องเติม s เสมอ** จึงทำให้ข้อ A ถูกแล้วนั่นเองค่ะ :)
ข้อ B เป็นข้อที่ผิดค่ะ เพราะว่า คำว่า become ถ้าจะดูตามหลักไวยกรณ์แล้วเนี่ยจะถูกเพราะว่า become ทำหน้าที่เป็น Verb หรือ กริยาค่ะ มองย้อนกลับไปคำว่า dinosaurs และตามด้วย become ตามหลักไวยกรณ์แล้วจะถูกนะคะรูปนี้ เพราะว่า ถ้า Subject หรือประธานนั้นเติม s,es จะต้องตามด้วย V.1 ที่เป็นรูปปรกติค่ะ แต่เราต้องวิเคราะห์คำว่า dinosaurs ที่แปลว่า ไดโนเสาร์ ซึ่งได้เกิดมาเป็นล้านๆปีแล้วเพราะฉะนั้นผู้พูดต้องการจะบอกว่ามันเป็นอดีตจ๊ะ เพราะฉะนั้นคำว่า become จะต้องเปลี่ยนให้เป็นรูปอดีตซึ่งก็คือ became นั่นเอง :D
2. Earthquakes that occur under or near the ocean can to generate tidal waves known as tsunamis. A B C D
ข้อ A คือ or ทำหน้าืที่เป็น conjunction หรือว่าคำสันธานเรียกอีกอย่างว่าตัวเชื่อมค่ะ ตัวเชื่อมในภาษาอังกฤษนั้นส่วนใหญ่จะถูกใช้ใน clause ไว้ถ้าโมมีเวลาโมก็จะมาสอนเรื่อง cluase นะจ๊ะ :P ไอ้เจ้า Conj. เนี่ยมันจะสามารถเชื่อมได้หลายอย่างละหนึ่งในนั้นก็คือ เชื่อม Preposition กับ Preposition เข้าไว้ด้วยกัน น้องๆอาจจะสงสัยว่า Preposition คืออะไร ไอ้ตัวนี้มันคือตัวที่วางไว้ข้างหน้านาม (Noun) หรือ กริยา (Verb) หรือจะวางไว้หน้าสรรนาม (Pronoun) ก็ได้ค่ะวางไว้เพื่อที่จะแสดงความสัมพันธ์ของคำสองคำนั้นค่ะ หรือวางไว้เพื่อบอกทิศทาง ตำแหน่งของมันก็ได้ เช่น in, on, under etc. มองย้อนกลับไปคำก่อนหน้า or ค่ะ คือคำว่า under ใช่มั้ยคะและอย่างที่โมบอกไปว่า under เป็น Prep. และปรกติแล้วคำว่า or จะเชื่อมของสองสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกันไว้ หมายความว่า .....or..... จะแปลว่า คำข้างหน้าจะมีความหมายคล้ายกับคำข้างหลัง เช่น it seems to be verb or modal verb หรืออีก รูปหนึ่งก็คือ ให้เลือกอย่างใดอย่างนึงเช่น Do you wantsugar or salt? เป็นต้นค่ะ ด้วยเหตุนี้เองทำให้ข้อ A ถูกแล้วจ้าาาา :)
ข้อ B คือ the เป็น article (a,an,the) ใช้นำหน้าคำนามทั้งหลายค่ะเพื่อเจาะจงสิ่งนั้นค่ะ ละข้างหลัง the คือคำว่า ocean ซึ่งเป็นคำนามจึงทำให้ข้อนี้ถูกต้องแล้วจ้า :D
ข้อ C เป็นข้อที่ผิดจ๊ะ เพราะว่าคำว่า can เป็น modal verb ค่ะ คือ กริยาช่วยหรือ helping verb จะต้องต่อด้วยกริยาแท้ของประโยคหรือ main verb เลยไม่สามารถจะตามด้วย to ได้ค่ะ จึงทำให้ข้่อนี้ผิดจ้าาา !
3. It is well-known fact that most people resists change.
A B C D
ข้อ A ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยค่ะ โดยปรกติแล้วประธานจะต้องตามด้วยกริยาเสมอค่ะ ในที่นี้ It คือประธานและ is คือ กริยา ข้อนี้ก็ถูกแล้วค่ะ :D
ข้อ B คือ that ในประโยคนี้ทำหน้าที่เป็น Conjunction หรือตัวเชื่อมจ้า โดยจะเชื่อมประโยคหลักและอนุประโยคเข้าไว้ด้วยกัน โดยสังเกตว่าในประโยคนี้มี 2 ประโยคก็คือ It is well-known fact และ most people resists change. โดยการใช้คำว่า that สามารถจะใช้ได้ครอบจักรวาลค่ะ ไว้เรามาพูดถึงเรื่อง clause โมจะสอนการใช้ that แล้วกันนะคะ สรุปว่าข้อนี้ถูกต้องแล้วค่ะ.
ข้อ C เป็นข้อที่ผิดค่ะ เพราะว่าโดยปรกติตามหลักไวยกรณ์แล้ว ถ้าประธานของประโยคเป็นพหูพจน์กริยาที่ตามมาจะต้องไม่เติม s หรือ es ค่ะ แต่ในข้อ C คือ resists เติม s อยู่โดยที่ประธานเป็น people แปลว่า ผู้คนที่มากกว่าหนึ่ง ซึ่งเป็นพหูพจน์จึงทำให้ข้อนี้ผิดเต็มๆเลยย ;)
http://www.waizon.com
1.) Interest 1.with major social events 2.led to a period of
3.growth in journalism 4.after 1945.
Ans 1 ผิดที่ with นะ เพราะ interest ต้องใช้คู่กับ in
2.) Much 1.alike 2.the elephant, the mastodon 3.was
a forest-dwelling 4.animal.
Ans 1 ผิดที่ alike เพราะ alike เป็น adj.ที่วางหน้านามไม่ได้ต้องแก้เป็น like
3.) 1.According with psychologists, an emotion 2.is aroused
when someone 3.perceives something as 4.either good or bad.
Ans 1 ผิดที่ according with ต้องเปลี่ยนตรง prep. จาก with เป็น ‘’to’’
4.) 1.By printing a health warning on all cigarette 2.package,
the united states surgeon general hopes 3.to reduce the i
ncidence 4.of smoking.
Ans 2 ผิดที่ package เพราะตามหลักแล้ว all ต้องตามด้วยคำพหูพจน์จึงต้องเป็น packages
5.) Hemp fibers are freed when the 1.stalks of the 2.plant
are either soaked in soft water 3.and hung up in the 4.open air.
Ans 3 ผิดที่ and เพราะ either ต้องใช้คู่กับ or ไม่ใช่ and
6.) Most 1.measurements 2.involve 3.to read some type 4.of scale.
. Ans 3 ผิดที่ to read ต้องแก้เป็น reading (involve ต้องตามด้วย v.ing น่ะ)
7.) 1.Hardly he had e ntered 2.the office when he realized
3.that he had 4.forgotten his wallet.
Ans 1 ผิดที่ hardly he had ต้องแก้เป็น hardly had he [ตามหลักของการ inversion]
8.) Long before the first airplane , crude 1.flying machines
2.based on 3.the principles of bird flight had been tested
and retested 4.without no success.
Ans 4 ผิดที่ without no มันเป็นการปฏิเสธซ้อนกันต้องแก้เป็น without success
9.) Jekyll island has been 1.one of georgia''s 2.state
3.parks 4.in 1954.
Ans 4 ผิดที่ in ต้องเปลี่ยนเป็น since ตามหลักของ present perfect tense
10.) 1.In the 1920''s cinema 2.became an important art form
3.and one of the ten largest 4.industry in the united states.
Ans 4 ผิดที่ industry ต้องแก้เป็น industries เพราะ one of the ต้องตามด้วยคำนามพหูพจน์
http://mew-happy.exteen.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น